วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มาดูวิธี แต่งหน้า เทรนด์เกาหลี !!

มาดูวิธี แต่งหน้า เทรนด์เกาหลี !!
เรื่องของสวยๆ งามๆ อยู่คู่กับผู้หญิงเสมอ โดยเฉพาะเทรนด์แฟชั่น ต้องตามต้องอินอยู่ตลอดเวลา อย่างตอนนี้ ที่กระแส เกาหลีมาฮิตสุดสุด สาวน้อยสาวใหญ่ได้เกาะกระแสอย่างมากมาย "เกาหลี บิวตี้ อคาเดมี่" จึงเผยเคล็ดลับการแต่งหน้าสวยใสสไตล์เกาหลี ด้วยการนำเทรนด์แต่งหน้าแบบใหม่ มาผสมผสานกับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มสีสันให้กับใบหน้า ยังคงความสวยใสแบบธรรมชาติอีกด้วย
makeup korean 
สำหรับเทรนด์แต่งหน้าสไตล์เกาหลีรับฤดูหนาว คือ สโมกกี้ อาย เทรนด์ หรือเรียกว่า "เทรนด์ตาแมว" ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลี ซึ่งการแต่งหน้าแบบนี้จะเน้นการแต่งดวงตาให้มีความเซ็กซี่เหมือนตาแมว
นอกจากการแต่งตาแล้ว การแต่งริมฝีปากและการลงเบส จะเน้นสีสันแบบธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการเน้นลงพื้นในปริมาณที่น้อยเพื่อเผยผิวใส และใช้คอลซิลเลอร์เพื่อรอยหรือป้องกันขอบตาดำ 
ส่วนวิธีแต่งแบบ เทรนด์ตาแมว นั้น ตรงบริเวณดวงตาต้องไม่เน้นการแต่งสโมกกี้ให้ดูหนา แต่เน้นการเขียนขอบรอบดวงตาให้ชัดเจนและบางๆ โดยใช้เฉดสีเทาที่เปลือกตาทั้งหมด จากนั้นใช้สีน้ำเงิน หรือม่วงทาทับลงไป โดยเน้นจุดไฮไลต์บนเปลือกตาเป็นสีเทาเพื่อเพิ่มจุดเด่น และใช้อายแชโดว์สีดำเพื่อทำให้ดวงตาดูโตและโดดเด่น 
หลังจากนั้นให้ปัดมาสคาร่าและติดขนตาปลอม เพื่อเพิ่มความหรูหรา ตามด้วยริมฝีปากควรหลีกเลี่ยงลิปสติคที่ให้ประกายมันเงา แต่ให้ใช้ลิปสติค ที่มีสีคล้ายริมฝีปากเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

 หากคุณมีผิวสองสีและกำลังมีปัญหากับการเลือกเฉดสีเครื่องสำอางที่ใช้ เรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกเครื่องสำอางมาบอก
      รองพื้น  ควรเลือกให้ใกล้เคียงกับสีผิวหน้ามากที่สุด โดยทดสอบก่อนที่บริเวณกรามทั้งสองข้าง ถ้าเกลี่ยแล้ว เนียนกลืนเข้ากับสีผิวแสดงว่าเลือกได้ถูกต้อง อย่าปล่อยให้สีผิวดูซีดจนเกินไปหรือดูเข้มคล้ำกว่าสีผิวปกติ

      แป้งฝุ่น  เลือกตามโทนของสีผิวหรือเลือกตามสีของรองพื้น ซึ่งแป้งฝุ่นมีทั้งโทนเหลือง ส้ม ชมพู แทน หรือจะเลือกชนิดดปร่งแสงที่มอบความบางเบาและให้โทนสีที่เป็นธรรมชาติ

      อายแชโดว์  นอกจากเลือกตามสีของผิวแล้ว ควรเลือกให้เข้ากับบุคลิก สีเสื้อผ้าและโอกาสในการแต่งหน้านั้นๆ ขอแนะนำให้ใช้สีน้ำตาลเป็นหลัก ส่วนจะมีสีอื่นผสมลงไปโดยเน้นสีหนักไปด้านได้ ควรดูตามโทนของสีผิว เช่น ผิวโทนร้อนใช้สีน้ำตาล ทองแดง ทอง เบจ งาช้าง ผิวโทนเย็นใช้สีปนเทา ม่วง หรือสีฟ้า

      บลัชออน  สาวผิวสองสีควรเลือกบลัชออนสีออกส้ม น้ำตาล จะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

      มาสคาร่า  ควรเลือกชนิดกันน้ำได้ สำหรับผู้หญิงไทยควรเลือกมาสคาร่าสีดำและสีน้ำตาลเป็นหลัก หากต้องการเพิ่ม สีสันให้กับตัวเอง สาวผิวสองสีควรเลือกโทนสีน้ำตาล เขียว และสีฟ้า ส่วนสาวผิวคล้ำสามารถเลือกใช้สีดำ สีเนวีบลู ม่วง และน้ำเงินได้

      ลิปสติก  สาวผิวสองสีหรือสีโทนร้อนควรใช้ลิปสติกสีออกน้ำตาล ใช้วิธีการไล่ระดับสีได้โดยผสมสีอื่นลงไปได้ เช่น สีแดง ชมพู และส้ม สาวผิวคล้ำหรือสีโทนเย็น ควรใช้ลิปสติกสีออกชมพูโดยไล่ระดับสีได้ด้วยการผสมสีอื่นลงไป เช่น สีแดง ส้ม ม่วง

แต่งหน้า ธรราชาติ
makeup


ภาพจาก My Happy Office
   วิธีแต่งหน้า ขั้นพื้นฐาน

การลงรองพื้น
  • เริ่มด้วยการแต้มครีมรองพื้น 5 จุด บริเวณหน้าผาก จมูก แก้ม 2 ข้าง และคาง
 
  • เกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจนเนียนเรียบ
 
  • หากต้องการลงรองพื้นแบบเบาบาง ให้ใช้ฟองน้ำเกลี่ย แต่หากต้องการการปกปิดแบบหนาให้ใช้นิ้วมือ ในการเกลี่ย
 
  • วิธีการจับฟองน้ำ ให้ใช้นิ้วกลางเป็นแกนหลัก ในการกดฟองน้ำให้สัมผัสกับผิวหน้า ในลักษณะคล้ายกับสปริง กดซับให้ทั่วใบหน้าจนกว่าจะเนียนเรียบ

การลงไฮไลท์
  • ใช้ครีมรองพื้นรอบดวงตา ปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง สีอ่อน ลากเส้นไปตามบริเวณที่ต้องการปกปิด หรือจุดที่ต้องการเสริมให้โดดเด่น ได้แก่ ใต้ดวงตา (ปกปิดรอยคล้ำ) สันจมูก โหนกคิ้ว ร่องแก้ม และคาง
  • ใช้ปลายนิ้วมือ (นิ้วกลางนิ้วนาง) เกลี่ยครีมเบาๆ จนกระทั่งเนื้อครีมเรียบกลมกลืนไปกับผิว
  • นิ้วกลางหรือนิ้วนามจะมีสัมผัสที่เบา และมีคุณสมบัติในเรื่องของความอบอุ่น ซึ่งจะช่วยให้ครีมรองพื้น            รอบดวงตาและ ปกปิดริ้วรอยชนิดแ่ท่งผสมเป็นเนื้อเดียวกับครีมรองพื้น นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการรองพื้นเป็นคราบได้

การลงเฉดดิ้ง
  • ใช้ครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง สีเข้ม ป้ายไปตามจุดที่ต้องการปกปิด เช่น รอยปาน กระ รอยแผลเป็น รวมถึงของจมูก เพื่อเสริมให้สันจมูกดูเด่นขึ้น จากนั้น ใช้นิ้วมือเกลี่ยให้เนียนกลมกลืน
  • หากต้องการแก้ไขรูปหน้าให้เรียวขึ้น ให้ลากครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง เป็นเส้นไปตามแนวขากรรไกร ปีกจมูก คาง หรือหน้าผาก แล้วใช้ฟองน้ำเกลี่ยให้กลมกลืนทั่วบริเวณนั้นๆ
  • ตรวจสอบให้มั่นใจทุกครั้งว่า บริเวณที่เฉดดิ้งไม่ทิ้งรอยคราบเป็นเส้นเ่ด่นชัด ถ้ามีควรเกลี่ยให้กลมกลืน



การทาแป้งฝุ่น
  • ใช้พัฟฟ์แต้มแป้งฝุ่นแล้วนำมากดซับบนใบหน้าโดยใช้นิ้วกลางเป็นตัวลงน้ำหนักเพียงเบาๆ
  • หากต้องการลงแป้งผุ่นแบบเบาบาง ให้ใช้พู่กันปลายใหญ่จุ่มแป้งฝุ่น เคาะแปรงเพื่อให้แป้งส่วนเกินหลุดออก ปัดให้ทั่วไปหน้าแทนการใช้พัฟฟ์
  • หลังจากลงแป้งฝุ่นเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้พู่กันปลายใหญ่ปัดแป้งฝุ่นส่วนเกินออกให้หมดทุกครั้ง
  • การลงแป้งฝุ่นควรลง 2 สี เพื่อเสริมสร้างมิติบนใบหน้าให้ดูเด่นชัดมากขึ้น คือ
  • ใช้แป้งฝุ่นสีอ่อน สีแฟร์ บริเวณกึ่งกลางใบหน้าหรือจุดที่มีการลงไฮไลท์
  • ตามด้วแป้งฝุ่นสีเข้ม สีมีเดียม บริเวณกรอบหน้าหรือจุดที่มีการเฉดดิ้ง

การเขียนคิ้ว
  • กันคิ้วให้ได้รูปก่อนเขียนคิ้วทุกครั้ง
  • เริ่มเขียนจากหัวคิ้วไปจนถึงหางคิ้วโดยให้ส่วนหัวคิ้วตรงกับหัวตา จุดสูงสุดของคิ้ว ตรงกับขอบตาดำด้านนอก และความยาวของคิ้วให้ใช้พู่กันวางทาบจากปีกจมูกผ่านหางตาขึ้นมา
  • ใช้พู่กันปลายตัดแต้มที่ทาตาแบบฝุ่นสีเดียวกับดินสอบเขียนคิ้วเกลี่ยทับเส้นคิ้ว โดยให้หัวคิ้ว สีอ่อนกว่าหางคิ้ว
  • เกลี่ยให้สีจากดินสอเขียนคิ้วเป็นเนื้อเดียวกันกับที่ทาตาแบบฝุ่นให้เป็นธรรมชาติที่สุด

การเขียนขอบตา
  • เริ่มเขียนจากของตาล่างจากหางตามาจนถึงกึ่งกลางตา โดยเขียนให้ชิดขอบตามากที่สุด
  • ส่วนขอบตาบนให้เริ่มเขียนจากหางตามาจนถึงหัวตา โดยให้เส้นหางตาหนากว่าหัวตา
  • บริเวณหางตาให้เขียนในลักษณะตัววี จากนั้นใช้ปลายดินสอเขียนขอบตาด้านที่เป็นฟองน้ำเกลี่ยเส้นขอบตาบนให้กระจายออก เพื่อทำให้ดวงตาดูนุ่มขึ้น
  • ส่วนขอบตาล่างให้ใช้ปลายดินสอด้านที่เป็นฟองน้ำแต้มที่ทาตาแบบฝุ่นสีเีดียวกันเกลี่ยทับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันการซึมเยิ้มระหว่าวัน

การทาที่ทาตาแบบฝุ่น
  • ควรทาตาแบบฝุ่นอย่างน้อย 3 สีในเฉดเีดียวกัน
  • ลงสีอ่อนสุดทั่วเปลือกตาและโหนกคิ้ว เกลี่ยให้เนียนเรียบ
  • จากนั้นลงสีกลางเป้นสีที่ 2 บริเวณหัวตามาจนถึงกึ่งกลางตา เกลี่ยให้เนื้อสีกลมกลืนกัน
  • สุดท้ายให้ลงสีที่เข้มที่สุดบริเวณหางตา เกลี่ยเข้ามาจนถึงกึ่งกลางตาให้สีกระจายกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันทั่งเปลือกตา อย่าให้เห็นเส้นแบบขอบสี

เติมแต่งขนตาด้วยมาสคาร่า
  • เริ่มต้นด้วยการดัดขนตาก่อน โดยดัดเป็น 3 จังหวะหรือ โคนขนตา กึ่งกลางขนตา และสุดท้ายให้ดัดที่ปลายขนตา
  • การปัดขนตาบน ให้มองต่ำและใช้มาสคาค่าปัดจากโคนขนตาออกมา ให้ปัดซ้ำอีกครั้ง หากต้องการให้ขนตาดูงอนหนามากขึ้น
  • การปัดขนตาล่าง ให้เหลือบตาขึ้นข้างบนและใช้ปลายมาสคาร่าปัดเบา

การเขียนขอบปาก
  • เริ่มต้นด้วยการบำรุงริมฝีปากก่อนเสมอด้วย เชียร์ ลิบ คัลเลอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก
  • เขียนขอบปากโดยเริ่มที่รอบหยักกึ่งกลางริมฝีปากบนให้เป็นรูปตัววี จากนั้นค่อยๆเขียนจากมุมปากมาจรดกับหางตัววีให้โค้างสวยเป็นเส้นเีดียวกัน
  • ส่วนริมฝีปากล่ายให้เริ่มที่กึ่งกลางริมฝีปาก เขียนให้เป็นรูปตัวยู จากนั้นค่อยๆ เขียนจากมุมปากมาเชื่อมให้เป็นเส้นเีดียวกัน

การลงสีลิปสติก
  • ใช้พู่กันทาปากทางลิปสติกเติมภายในขอบปากที่วาดไว้ โดยเริ่มจากมุมปากล่าง เข้ามาที่ส่วนกลางของริมฝีปาก
  • จากนั้น ทาลิปสติกที่ริมฝีปากบน เริ่มจากมุมปากเข้ามาที่ส่วนกลางเช่นกัน
  • สีลิปสติกที่ใช้ควรเป็นสีเีดียวกับดินสอเขียนขอบปากเพื่อให้เกลี่ยได้กลมกลืนเป็นธรรมชาติ

การแต่งแต้มสีสันลงบนแก้ม
  • ปัดที่ทาแก้มแบบฝุ่นบริเวณพางแก้ม โดยปัดเฉียงขึ้นไปทางใบหูให้เนื้อสีเนียนกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
  • สีบรัชออนที่ใช้ต้องเป็นเฉดสีเดียวกับสีสันที่ใช้บนใบหน้




                         แต่งหน้าแบบเกาหลีกันเถอะ มีวิธีสอน





 

ลงคอนซีลเลอร์รอบดวงตาและตามรอยที่ต้องการปกปิดด้วยนิ้ว แตะๆ กดๆ เบาๆ 


 

วันนี้จะไม่ลงรองพื้นทั้งหน้า แค่เก็บเฉดดิ้งก็พอ….เลือกใช้รองพื้นสีเข้ม Revlon Toast แต้มตามโซนที่ต้องการเฉดดิ้งให้หน้าเรียวขึ้น แล้วก็เกลี่ยให้เรียบร้อย ส่วนไหนที่เว้นไว้ก็เว้นมันไว้อย่างนั้นแหละ ใช้แปรงปัดแป้ง Loreal true match ที่เพิ่งมาลองเป็นวงวนทั่วๆ หน้า เนื้อแป้งเนียนบางดี สีผิวเป๊ะ เย้ๆ!


 



เขียนคิ้วบางๆ แค่เติมคิ้วให้ได้รูปด้วยฝุ่นอายชาโดว์สีน้ำตาลทอง NARS star sailor

 

Point makeup วันนี้เลือกโทนน้ำเงินม่วงจากเซท palatte color appeal ใช้แปรงหัวฟองน้ำระบายสีขาวมุกให้ทั่วเปลือกตา ใช้นิ้วแต้มสีม่วงลงไปที่หางตา 1/3 ตามด้วยสีม่วงเหลือบเขียว RMK holographic เบลนด์ทับให้มีมิติมากขึ้น


 


 

 

ใช้แปรงหัวฟองน้ำแต้มสีน้ำเงินเข้มระบายที่ตาล่าง เก็บเชฟรอยพับเปลือกตาด้านบนให้ชัดเจนอีกนิด

 

แตะพิกเม้นท์สีเงิน วิ้งละเอียดผสมกับอายชาโดว์วิ้งเกล็ดใหญ่แต้มส่วนหัวตา *การทำให้วิ้งติดทนทานและดูวิ้งระยับ ควรใช้นิ้วแตะและควรให้เปลือกตาชื้นเล็กน้อย จะลงอายครีมเบสหรือครีมอายชาโดว์รองพื้นไว้ก่อนก็ช่วยได้เยอะจ้า


 


Party look วันนี้จะเน้นอายไลเนอร์ เพื่อความสะดวกง่ายๆ ก็ liquid eyeliner นี่แหละ.... ก่อนกรีดจริงก็ซ้อมมือกันหน่อยเพื่อความปึ้กของเส้น ลากกันที่หลังมือให้พอมั่นใจแล้วก้ปาดกันได้เลย


 

เส้นขอบตาบนลากหางยาวออกมาประมาณ 7 มม. เก็บเส้นที่ขาดๆ เกินๆ ให้สวยงาม แล้วก็ปาดเส้นขอบตาล่างให้หนากว่าด้านบนเล็กน้อย ให้หางคู่ขนานกัน ไมให้มาจบเป็นเส้นเดียวกันตามสไตล์การกรีดตานกนางแอ่น 50s


 

ลงไฮไลท์ที่เปลือกตาด้านบนชนโหนกคิ้ว ไล้สีขาวทอง NAR Albatross ที่ขอบตาล่างเป็น Inner liner 

 

ติดขนตาปลอมสุดเด้งที่คุณเพื่อนต๋อเอามาฝากจากจากเกาหลีเพิ่มความเป็น partygal

 

ปัดแก้ม เฉพาะหน้าแก้มเป็นวงกลมด้วยสีชมพู NARS Desire

 

ยังกระแดะไม่พอนะเคอะ.... คว้าไลเนอร์กลิตเตอร์สีเงินซีรีส์ wow มาเพิ่มความ wow กันหน่อย โดยการปาดไปที่ขนตาปลอม ให้เห็นระยิบระยับเวลากระพริบตา


 

และลากหางนกนางแอ่นอีกเส้นที่ใต้ไลเนอร์ขอบตาล่าง ลากให้หางยาวเกินออกมาเล็กน้อย ระวังแนววิ้งเงินให้สม่ำเสมอกัน (ค่อยๆ จิ้มเติมทีหลงก็ได้จ้า) ทาลิปสีทอง M.A.C. Gel แล้วใช้นิ้วแตะพิกเม้นท์สีเงินทับลงไปเป็นลิปวิ้งระยิบเงิน โว้ววว โวววว.... ปัดไฮไลท์ในส่วนที่ต้องกระทบแสงไฟ คาง โหนกแก้ม สันจมูก 

 
เก็บความเนี้ยบให้เรียบร้อย คว้าพรอพได้ไม่ไกลมือ ผ้าคลุมชั้นหนังสือนี่แหละ สบัดฝุ่นนิดหน่อย เอามาแอ๊บถ่ายรูปก็เสร็จแล้วจ้า



ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=487858&eid=17

              



               การแต่งหน้ากรณีพิเศษ
                 

                    
การแต่งหน้าสำหรับตอนกลางคืน
  • ทาครีมรองพื้นให้หนากว่าตอนกลางวัน โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ กับแป้งแข็ง ผสมรองพื้นเกลี่ยให้เนียนเรียบทั่วใบหน้า
  • ปกปิดริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ดวงตาด้วยครีมรองพื้นรอบดวงตา และ ปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง
  • ปัดทับด้วยแป้งฝุ่นอีกครั้ง
  • ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีเข้มกว่าสีคิ้วธรรมชาติ เขียนคิ้วให้ได้สัดส่วนและดูเป็นธรรมชาติ
  • ทาตาด้วยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
  • ทาสีเข้มเป็นเส้นบางๆ บริเวณรอบพับบนเปลือกตา จะำทำให้ดวงตาดูโตขึ้นและโหนกคิ้วดูเด่นขึ้น
  • เกลี่ยด้วยที่ทาตาสีกลางเพื่อเน้นความงามและทำให้ดวงตาแลดูคมเข้มขึ้น
  • วาดไฟน์ไลเนอร์สีดำที่ขนตาด้านบน โดยเริ่มจากหัวตาเป็นเส้นบางๆ ก่อนแล้วเริ่มวามให้หนาขึ้นตรงบริเวณม่านตา จากนั้นลากเส้นต่อในแนวเฉียงขึ้นเหนือหางตา
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดที่ขอบตาด้านล่าง
  • ไม่ควรเขียนขอบตาจนถึงหางตาเพราะจะทำให้ดวงตาเล็กลง
  • ปัดมาสคาร่า 2 ครั้งที่ขนตาบนและล่าง
  • ปัดแก้มด้วยที่ทาแก้มแบบฝุ่นสีกลางและสีเข้มบริเวณใต้โหนกแก้ม ปัดสีอ่อนกว่าทับสีเข้ม บริเวณกลางแก้ม และเกลี่ยขึ้นไปจนถึงบริเวณแนวเส้นผม
  • วาดรูปปากด้วยดินสอเขียนขอบปาก แล้วจึงทาลิปสติก


 
                                                         



                           
                                                                    
 

การแต่งหน้าสำหรับวัยผู้ใหญ่
  • ใช้ครีมรอบพื้นชนิดเหลวสำหรับการรอบพื้นแบบบาง และครีมรอมพื้นชนิดอัดแข็งสำหรับการรองพื้นแบบหนาเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้น
  • ปกปิดรอบคล้ำใต้ดวงตาด้วยครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง
  • เนื่องจากสีผิวจะเปลี่ยนไปตาวัย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจดูสีของครีมรองพื้นด้วย โดยควรตรวจดูทุก 3-4 ปี เพื่อให้เข้ากับผิว
  • ตบท้ายด้วยการปัดแป้งฝุ่น หากทาแป้งหนาเกินไป ริ้วรอยต่างๆจะถูกเน้นให้เด่นชัดขึ้น
  • ตกแต่งรูปคิ้ว หากจะใช้ดินสอเขียนคิ้ว ควรหลีกเลี่ยงสีดำเพราะจะดูเข้มเกินไป
  • ให้ที่ทาตาสีอ่อนที่ดวงตาตั้งแต่ขอบตาจนจรดคิ้ว
  • เกลี่ยด้วยที่ทาตาสีกลางบริเวณรอยพับของเปลือกตา แล้วเกลี่ยไปจนถึงโหนกคิ้ว ไม่ควรใช้ที่ทาตาสีมุก เพราะสีมุกจะเน้นรอยย่นของผิวที่แห้งและรอยย่นตามวัยให้เด่นชัดขึ้น
  • แนะนำให้ใช้ที่ทาตาสีม่วง เทา หรือสีเขียว เกลี่ยบริเวณขอบตา ไม่ควรทาสีใดๆ บริเวณขอบตาด้านล่าง เพราะจะทำให้ดวงตาดำคล้ำ ดูเหมือนอิดโรยและอดนอนมากขึ้น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดตามแนวขอบตาและเกลี่ยเบาๆ โดยหลีกเลี่ยงสีเข้ม แนะนำให้ใช้สีม่วง น้ำเงิน หรือน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง เลือกสีน้ำตามเข้มหรือสีฟ้า เพราะสีดำจะเข้มเกินไป
  • เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าก็จะหย่อนยานตามวัย การปัดที่ทาแก้มแบบแป้งฝุ่นด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะช่วยพรางความหย่อนยานโดยช่วยยกพวงแก้มขึ้นได้
  • ปัดแก้มจากพวงแก้มจนถึงแนวเส้นผม โดยเน้นเฉพาะบริเวณกลางพวงแก้ม
  • เฉดสีที่ทาแก้มที่ควรใช้คือ สีชมพูอ่อนและสีพีช
  • เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกซึมเลอะขอบปาก ให้ทาครีมรองพื้นที่ริมฝีปากแล้วปัดทับด้วยแป้งฝุ่น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบปากเพื่อเน้นริมฝีปาก แนะนำให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติกที่คุณใช้อยู่
  • สำหรับลิปสติก แนะนำเฉดสีชมพูและแดงในเฉดสีกลางไปจนถึงสีสด

                             
  
                                     


การแต่งหน้าสำหรับผู้สวมแว่นตา
  • แต่งหน้าให้ทั่วใบหน้าโดยไม่เว้นแม้แต่แก้มหรืิอริมฝีปาก
  • ตรวจดูสีของกรอบแว่นด้วยว่าเป็นโทนสีร้อนหรือสีเย็น เพื่อแต่งหน้าให้กลมกลืนไปกับขอบแว่น
  • คิ้วควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับกรอบแว่น หรือสูงกว่าเล็กน้อย
  • สีของที่ทาตาสามารถเลือกเฉดสีเข้มขึ้นเล็กน้อยได้ เพราะกระจกแว่นจะลดความเข้มของสีลง
  • สร้างความสมดุลระหว่างความเข้มของสีที่ทาตา เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกันได้กับแว่นตา
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาพอประมาณ ควรจะใช้ชนิดสีมากกว่าสีดำหรือน้ำตาล
  • อย่าลืมปัดมาสคาร่าเป็นอันขาด
  • หากใส่แว่นกรอบใหญ่ ควรปัดแก้มบริเวณโหนกแก้มด้วย เพื่อที่จะได้มองเห็นผ่านเลนส์แว่นตา
  • หากกรอบแว่นสีเข้ม ควรจะทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้ากลมกลืนกันด้วยการใช้ลิปสติกสีเข้า




                                                 


การแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น
  • เริ่มต้นด้วยการใช้แป้งแข็งผสมรองพื้นให้ทั่วใบหน้า ควรเลือกสีที่เข้ากับสีผิวเพื่อความเป็นธรรมชาติ
  • ปัดขนคิ้วให้เข้ารูป
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดเส้นตามแนวขอบตาแล้วเกลี่ยเบาๆ แนะนำให้ใช้สีน้ำเงินหรือสีน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่าสีน้ำตาลเพียงครั้งเดียว
  • ปัดแก้มบางๆ ด้วยที่ทาแก้มเฉดสีชมพู หรือสีพีช
  • ทาปากด้วยเชียร์ กลอสส์ หรือลิปสติกสีธรรมชาติ
                    


                                               

การแต่งหน้าสไตล์แอ็บแบ๊ว
  • ก่อนแต่งหน้าทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าทุกครั้ง แต่ต้องรอสัก 10 นาทีให้ครีมบำรุงซึมซาบเข้าสู่ผิวก่อนจะเริ่มแต่งหน้า
  • ทาแป้งฝุ่นอัดแข็งเนื้อบางเบาหรือ loose powder โดยเลือกเนื้อแป้งที่สีกลมกลืนกับผิว อย่าพยายามใช้โทนสีขาวที่อ่อนกว่าผิวจริงของตัวเองมาก เพราะจะทำให้หน้าวอกดูเฟค
  • ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีชมพูหรือสีพีช โดยเน้นปัดที่โหนกแก้ม ไล้จากขอบหน้ามาถึงประมาณกลางลูกตาดำ แล้วปัดวนเป็นวงกลมๆ จะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาก สุขภาพดี มีเสน่ห์ น่าหอม
  • ทาอายชาโดว์สีน้ำตาลอ่อนเมทาลิค หรือสีเบจเป็นสีพื้นให้ทั่วเปลือกตา
  • เขียนขอบตาให้คมชัด โดยใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลหรือดำ วาดจากหัวตาไปจนถึงหางตา แล้วตวัดปลายชี้ขึ้นเล็กน้อย 
  • ดัดขนตา ซึ่งต้องดัดตั้งแต่โคนขนตาขึ้นไปกลางขนตา และก็ดัดที่ปลายขนตารวม 3 steps แล้วปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่มความหนาและความยาว 
  • ทาริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น แล้วทับด้วยลิปกลอส หรือลิปเจลสีชมพูอ่อน





ทรงผมอินเทรน K-POP น่ารัก จุงเบย

     รู้สึกเบื่อทรงผมปกติของตัวเอง ที่มักจะปล่อยธรรมดา แบบไม่ทำอะไรกับมันบ้างรึเปล่า? อยากลองทำผมทรงใหม่ ที่สามารถทำเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาซาลอนที่ไหนบ้างมั้ยเอ่ย? แน่นอนค่ะ ว่าเรามีทรงผมแบบที่สาวๆ ไอดอล K-POP นิยมทำมานำเสนอให้ดูกัน แถมด้วยวิธีทำด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ...ตามไปดูกันค่ะ ว่าจะมีทรงไหนถูกใจบ้างรึเปล่า
ผมเปีย 땋은 머리
1.เปียหลวม - สร้างลุคที่ดูสวยหวาน น่ารัก แถมดูอ่อนกว่าวัยได้ ด้วยผมเปียแบบธรรมชาติ โดยการถักเปียธรรมดา แต่ปัดมาไว้ที่ไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง
จุดสำคัญคือเป็นเปียแบบหลวมๆ ถักมาจนเกือบสุดปลายผม แล้วมัดด้วยยางรัดผมเส้นเล็กเพียงเส้นเดียว และต้องมีปอยผมที่หลุดออกมาจากผมเปียบ้างเล็กน้อย ยิ่งถ้าเป็นเปียถักจากผมหยิกจะดูอ่อนหวานเป็นพิเศษ (ทำผมหยิกด้วยตัวเองได้ จากทรงผมข้อต่อไปที่เราจะแนะนำ) ซึ่งมีเคล็ดลับคือ เมื่อถักผมเสร็จแล้ว ให้ใช้นิ้วมือสองข้างดึงขยายผมที่ถักไว้ให้ดูหลวมกว่าเดิม ส่วนปอยผมหลุดๆ ก็ให้ใช้ปลายหวีหรือนิ้วเกี่ยวออกมานิดหน่อย ทีนี้ก็จะได้ลุคสวยใสธรรมชาติ อย่างที่ต้องการเป๊ะ
2. เปียคาดผม – ทรงผมออกงาน ที่ทำได้ง่าย แต่ก็ดูน่ารักสไตล์โบฮีเมียน คือการถักผมเปียแบบคาดผม ที่ทำได้สองวิธีคือ ถ้ามีผมที่ยาวมากพอ ก็ถักเปียเดียวธรรมดาแบบข้อ 1 ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยจับมาคาดผมอีกที หรือจะใช้วิธีถักเป็นเปียคาดผมติดศีรษะไปเลยก็ได้ แล้วทำเป็นมวยที่ด้านหลัง จากนั้นลองหาดอกไม้สวยๆ มาติดเป็นเครื่องประดับตรงมวยผมเพิ่ม แค่นี้ก็สวยเก๋กว่าใครแล้ว
ถักเปียก่อนแล้วนำมาคาดผม – ถักเป็นเปียคาดผมติดศีรษะไปเลย
ผมลอน 곱슬 머리 DIY
     ใครที่มีผมตรงปกติ แต่บางครั้งก็อยากทำผมหยิกเป็นลอน เพื่อเปลี่ยนอารมณ์เวลาออกไปเที่ยวบ้าง แต่ไม่มีเครื่องม้วนผมไฟฟ้าใช้ ก็คงต้องพึ่งพาเจ้านี้เลยค่ะ “โรลม้วนผม” แค่เอามาม้วนๆ ผมทิ้งไว้ 1 คืน แล้วแกะออก ก็จะได้ผมลอนตามต้องการ แต่จะให้เก๋ไปกว่านั้นก็ต้องเป็น โรลสตรอเบอรี่สุดน่ารักอันนี้ เหมือนกับที่ จียอน (วง T-ara) ใช้ในละคร Dream High II และดาราอีกหลายคนใช้กัน เอาแค่ตอนม้วนผมอยู่ แล้วมีลูกสตรอเบอรี่ติดอยู่ทั่วหัว ก็ดูน่ารักจะตายแล้วค่ะ >.<
Etude House - Strawberry Sponge Hair Roll


ราคา 3500 วอน (97 บาท) หาซื้อได้ที่ Etude House สาขาไทย ภายในห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง (http://www.etude.co.kr/ product.do?method=view &prdCd=108003058)
ม้วนผมเองได้ง่ายๆ- นางเอกซีรีส์เกาหลี ใช้กันหลายเรื่องเลยนะ~!
หางม้า 포니테일
     เรียกได้ว่าทำง่ายมากๆ กับผมทรงหางม้า ที่แค่รวบผมแล้วมัดก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เราก็สามารถเพิ่มลูกเล่นได้ เช่น นำผมของเรามาม้วนทับตรงยางรัดผมอีกที หรือนำโบว์ ริบบิ้นสวยๆ มาผูกทับ อาจจะเพิ่มที่คาดผมด้วยก็ได้ เรียกว่าใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ก็สวยพร้อมออกจากบ้านแล้ว
1. หางม้ารวบสูง
2.หางม้ารวบต่ำ
ผมมวย 올림머리
     เป็นทรงผมสุดฮิตที่จะเห็นคนทำบ่อยๆ ตามท้องถนนในเกาหลีค่ะ ให้ลุคที่ออกแนวสดใส ร่าเริง แถมยังดูสะอาดสะอ้าน เพราะได้โชว์ต้นคอขาวๆ และยังดูคล่องตัวในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าสามารถทำเองได้ง่ายในเวลาไม่นานอีกด้วย
1.แบบ Topknot 상투머리 – ผมมวยแบบจุกเล็กๆ ที่ทำแล้วให้อารมณ์อาร์ตทิสเล็กๆ เป็นสาวแบบทะมัดทะแมง ง่ายๆ ที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์
วิธีทำก็แค่มัดผมให้เป็นหางม้าแบบสูงๆ ก่อน จากนั้นก็รวบหางม้าของเรามาพันๆ ม้วนๆ รอบจุกยังไงก็ได้ตามไอเดียของแต่ละคน เสริมด้วยการ มัดยาง ติดกิ๊บ เพิ่มความแน่นหนาไม่ให้จุกหลุดง่าย เท่านี้ก็เรียบร้อย
2.แบบ ดังโงะ 당고머리 – ผมมวยแบบ ดังโงะ , ซาลาเปา , โดนัท แล้วแต่ใครจะเรียกค่ะ ด้วยรูปทรงแบบกลมๆ ใหญ่ๆ ทำแล้วจะดูน่ารักโนะเนะกว่าแบบ Topknot นิดนึง
ขั้นตอนการทำผมดังโงะ เราขอแนะนำอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ง่ายๆ จากตู้เสื้อผ้าเลยค่ะ นั่นก็คือ “ถุงเท้า” (ขอเป็นแบบซักสะอาดแล้วนะจ๊ะ)
1. นำถุงเท้ามาตัดปลายออกให้มีหน้าตัดตรงเป็นช่อง แล้วจึงจับมันมาม้วนๆ จนได้รูปร่างที่เหมือนโดนัทคือกลมๆ มีรูตรงกลาง
2. มัดผมแบบหางม้าตรงจุดที่เราต้องการให้เป็นมวย จะทำเป็นมวยต่ำ มวยสูง มวยข้าง ก็แล้วแต่ความชอบเลย
3. ใส่หางม้าเข้าไปในถุงเท้าโดนัท โดยเริ่มม้วนจากปลายผมของเราให้พันรอบวงโดนัทก่อน พอผมเริ่มอยู่ตัวติดกับถุงเท้าดีแล้ว ก็จัดการม้วนตลบไปเรื่อยๆ จากปลายผมมาสุดที่จุกหางม้าของเรา
4. จัดเก็บปอยผมที่อาจหลุดลุ่ยไป มาไว้ใต้มวยให้เรียบร้อย แล้วจึงติดกิ๊บหรือฉีดสเปย์เพิ่ม เพื่อความแน่นหนาของมวย เท่านี้ก็ได้มวยผมกลมๆ สุดน่ารักแล้วจ้า
สีผมแบบ Two Tone 투톤 컬러링
     สีผมแบบ Two Tone เรียกได้ว่าฮิตมากๆ สำหรับนักร้อง K-Pop ค่ะ อย่าง วิคตอเรีย วง F(x) ที่ทำสีผมสไตล์นี้มาตั้งแต่อัลบั้ม Nu ABO ในปี 2010 มาจนปี 2012 วง T-ara กับเพลงใหม่ Day By Day ก็ยังเน้นสไตล์สีผมแบบนี้อยู่ รวมไปถึงนักร้องทั้งชาย-หญิงอีกหลายคน ก็ทำผม Two Tone ในหลากหลายเฉดสีให้เห็น ทั้งแบบไล่เฉดสี แบบใช้สองสีตัดกัน หรือทำเพิ่มสีเดียวเฉพาะที่ปลายผมก็ได้
ซึ่งหากเราต้องการทำสีผม Two Tone เองที่บ้าน ก็แค่ใช้วิธีซื้อน้ำยาเปลี่ยนสีผมด้วยตัวเอง มาทำสีผมตามปกติ เพียงแต่เราจะทำแค่เฉพาะตรงปลายผมเท่านั้น แค่นี้เราก็จะได้ผมสองสีแบบเก๋ๆ ดูแปลกตาแล้ว
ลองทำสีผมด้วยตัวเอง เฉพาะตรงปลายผม ก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ